ทำไมร้านอาหารควรรู้จัก Par Inventory ตัวช่วยจัดการสต๊อกให้มีกำไร

PAR Inventory คืออะไร?

ระบบ PAR ย่อมาจาก “Periodic Automatic Replacement” ซึ่งหมายถึงการกำหนดปริมาณสต๊อกขั้นต่ำที่ร้านควรมีอยู่เสมอ เพื่อรองรับการขายตามปกติ โดยไม่ให้เกิดปัญหาของขาดหรือเหลือของมากเกินไป การใช้ระบบ PAR จะช่วยให้คุณสามารถจัดการสต๊อกได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจได้ว่าสินค้าสำคัญในร้านจะไม่ขาดช่วงเวลาที่มีลูกค้าเยอะ หรือในช่วงที่มีการขายสูง

การตั้ง PAR level สำหรับแต่ละสินค้าเป็นการคำนวณที่แม่นยำ ซึ่งคำนึงถึงปริมาณที่ร้านของคุณใช้ในช่วงเวลาที่ผ่านมาและช่วงเวลาที่ต้องการสั่งซื้อใหม่ เช่น ถ้าร้านของคุณใช้ไก่ 50 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ ค่า PAR สำหรับไก่ก็ควรตั้งไว้ที่ 50 กิโลกรัม เพื่อให้คุณมีไก่เพียงพอสำหรับการขายในช่วงเวลานั้น หากสต๊อกของไก่เหลือจำนวนต่ำกว่า 50 กิโลกรัม คุณจะได้รับการแจ้งเตือนจากระบบให้ทำการสั่งซื้อทันที โดยไม่ต้องกังวลเรื่องของขาดแคลนหรือของเสียจากการมีสินค้าส่วนเกิน

การใช้ระบบ PAR Inventory ยังสามารถปรับระดับสต๊อกให้เหมาะสมกับฤดูกาล เช่น เมนูอาหารบางอย่างอาจต้องการการสั่งซื้อมากขึ้นในช่วงเทศกาลหรือฤดูกาลที่ยอดขายสูง การตั้งค่าระบบ PAR ตามความต้องการเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานได้อย่างดีขึ้น

ทำไม PAR Level ถึงสำคัญ?

การตั้ง PAR Level (Periodic Automatic Replacement) ให้เหมาะสมมีความสำคัญอย่างยิ่งในการจัดการสต๊อกและต้นทุนของร้านอาหาร เพราะมันช่วยให้ร้านของคุณสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ลดความผิดพลาดในการจัดซื้อ และสามารถควบคุมกระแสเงินสดได้อย่างเหมาะสม ตัวอย่างเช่น การรู้ว่าเมื่อใดควรสั่งซื้อวัตถุดิบใหม่และในปริมาณที่พอดี จะทำให้ร้านคุณไม่ต้องพึ่งพาการสั่งซื้อที่เกินความจำเป็น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการบริหารต้นทุนและทำให้เกิดของเสียได้

  1. ป้องกันของขาด
    การขาดแคลนวัตถุดิบในช่วงเวลาที่ลูกค้าความต้องการสูง เช่น ช่วงมื้อเย็นที่มีลูกค้าแน่น อาจทำให้เกิดปัญหาหลายอย่าง เช่น เมนูอาหารที่ลูกค้าสั่งไม่ได้ ทำให้ลูกค้าไม่พอใจและอาจเสียลูกค้าประจำ การตั้ง PAR Level ช่วยป้องกันปัญหานี้ได้ โดยการกำหนดระดับขั้นต่ำของวัตถุดิบที่ต้องมีในสต๊อกเสมอ การรู้ว่าเมื่อไรควรสั่งซื้อและในปริมาณเท่าไหร่
  2. ลดของเสีย
    การมี PAR Level ที่เหมาะสมช่วยให้ร้านอาหารไม่ต้องสั่งวัตถุดิบมากเกินไป จนทำให้เกิดของเสีย วัตถุดิบสด เช่น ผัก ผลไม้ หรือเนื้อสัตว์ หากเก็บไว้ในปริมาณมากเกินไปอาจเน่าเสียหรือหมดอายุได้ ป้องกันการสั่งซื้อที่เกินความจำเป็น ซึ่งเป็นการลดการสูญเสียจากการเน่าเสียของวัตถุดิบที่ไม่ได้ใช้
  3. ควบคุมกระแสเงินสด
    การสั่งซื้อวัตถุดิบมากเกินไปและเก็บสต๊อกไว้ในปริมาณสูงทำให้เงินทุนของคุณถูกผูกมัดอยู่กับสินค้าที่ไม่สามารถหมุนเวียนได้เร็วเท่าที่ควร การตั้ง PAR Level ช่วยให้คุณสามารถควบคุมปริมาณการสั่งซื้อได้อย่างแม่นยำ โดยการสั่งซื้อในปริมาณที่เหมาะสมตามความต้องการจริง ๆ 

สั่งของได้แม่นยำ
ระบบ PAR Level ทำให้การสั่งซื้อเป็นไปอย่างแม่นยำและไม่มีความผิดพลาด คุณจะรู้ได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อไรควรสั่งซื้อ และต้องสั่งในปริมาณเท่าไหร่ ตัวอย่างเช่น ถ้าร้านของคุณมี PAR Level สำหรับข้าว 100 กิโลกรัม และมีข้าวเหลืออยู่ในสต๊อก 30 กิโลกรัม ระบบจะช่วยแจ้งเตือนให้คุณสั่งซื้อข้าวเพิ่มอีก 70 กิโลกรัมทันที ซึ่งช่วยให้คุณไม่ต้องเดาเกี่ยวกับปริมาณการสั่งซื้อ

ความต่างระหว่างสินค้าประเภท PAR และ Non-PAR

  • PAR Inventory คือ สินค้าที่มีการใช้งานบ่อย เช่น น้ำมัน, แป้ง, ผักสด ต้องมีสต๊อกไว้ตลอด
  • Non-PAR Inventory คือ สินค้าพิเศษ เช่น เครื่องเทศที่ใช้เฉพาะบางเมนู หรือวัตถุดิบตามฤดูกาล สั่งเมื่อจำเป็น

การแยกประเภทเหล่านี้ช่วยให้คุณบริหารจัดซื้ออย่างเป็นระบบ โฟกัสที่สินค้าหลักและลดต้นทุนในส่วนที่ไม่จำเป็น

วิธีคำนวณ PAR Level อย่างง่าย

  1. ดูประวัติการใช้: วิเคราะห์ยอดขายและการใช้วัตถุดิบย้อนหลัง เช่น เดือนที่แล้วใช้ชีสกี่กิโลกรัม?
  2. พิจารณาระยะเวลาจัดส่ง: หากซัพพลายเออร์ใช้เวลา 2 วัน ควรมีวัตถุดิบพอใช้ระหว่างนี้
  3. ปรับตามฤดูกาล: เช่น ฤดูร้อนอาจขายไอศกรีมมากขึ้น ควรเพิ่ม PAR Level เฉพาะช่วงนั้น

ตัวอย่าง: ร้านใช้ไก่วันละ 20 กก. ซัพพลายเออร์ส่งทุก 3 วัน → PAR = 20 x 3 = 60 กก.

ระบบ Periodic vs Perpetual ต่างกันยังไง?

1. ระบบ Periodic

Periodic คือการตรวจสต๊อกในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น รายสัปดาห์หรือรายเดือน เจ้าของร้านจะต้องนับปริมาณสินค้าครั้งหนึ่ง และสั่งซื้อเมื่อจำเป็น

ข้อดี: ใช้ง่ายและต้นทุนต่ำ
ข้อเสีย: อาจทำให้เกิดปัญหาของขาดแคลนหรือของเสียจากการไม่สามารถติดตามสต๊อกได้ตลอดเวลา

2. ระบบ Perpetual

Perpetual คือการตรวจสต๊อกแบบเรียลไทม์ผ่านระบบ POS ข้อมูลสต๊อกจะถูกอัปเดตทันทีที่มีการใช้หรือขายสินค้า

ข้อดี: แม่นยำและสามารถติดตามสต๊อกได้ตลอดเวลา ช่วยลดของเสียและการขาดแคลน
ข้อเสีย: ต้นทุนสูง และต้องใช้การฝึกอบรมในการใช้งานระบบ

ใช้ PAR ร่วมกับระบบทั้งสองอย่างไร?

  • หากใช้ ระบบ Periodic → เช็กสต๊อกทุกสัปดาห์ แล้วสั่งของให้กลับขึ้นถึง PAR Level
  • หากใช้ ระบบ Perpetual → ระบบ POS จะแจ้งเตือนทันทีเมื่อวัตถุดิบต่ำกว่า PAR และสั่งซื้ออัตโนมัติได้

การตั้งค่า PAR อย่างเหมาะสมไม่ว่าจะใช้ระบบแบบใด จะช่วยให้คุณลดความเสี่ยงของการขาดวัตถุดิบ และไม่ต้องเดาสุ่มอีกต่อไป

เครื่องมือที่ช่วยจัดการ PAR ได้มีอะไรบ้าง?

  1. POS สมัยใหม่: ระบบ Point of Sale ที่มีฟังก์ชันการจัดการสต๊อก และแจ้งเตือนเมื่อถึงจุดสั่งซื้อ
  2. ซอฟต์แวร์จัดการสต๊อก: ตั้งค่า PAR, ติดตามการใช้วัตถุดิบ และออกรายงานอัตโนมัติได้

จากสถิติ ร้านที่ใช้ซอฟต์แวร์จัดการ PAR ลดปริมาณของเสียได้มากถึง 30%

ระบบ PAR Inventory คือเครื่องมือที่ช่วยให้ร้านอาหารจัดการสต๊อกอย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันของขาด ลดของเสีย และทำให้ธุรกิจมีกำไรมากขึ้น

ไม่ว่าจะใช้ระบบเช็กสต๊อกแบบ Periodic หรือ Perpetual การตั้งค่า PAR Level ที่แม่นยำ พร้อมเครื่องมือช่วยตรวจสอบ จะเปลี่ยนการจัดซื้อของคุณให้เป็นระบบ ลดความยุ่งยาก และมุ่งเน้นไปที่สิ่งสำคัญที่สุด: การบริการลูกค้าอย่างประทับใจ

👉 พร้อมใช้ระบบจัดการ PAR อย่างมืออาชีพแล้วหรือยัง? Book Free Demo กับ Food Market Hub

LINE Logo
Chat Now ×