7 ต้นทุนหลักของร้านอาหารและวิธีการจัดการที่คุณควรรู้

การบริหารต้นทุนเป็นหนึ่งในความท้าทายที่สำคัญที่สุดในการดำเนินร้านอาหาร หากคุณไม่ติดตามการใช้จ่ายอย่างใกล้ชิด กำไรของคุณอาจหายไปอย่างรวดเร็ว ต้นทุนหลัก 7 ประการที่ร้านอาหารจำเป็นต้องควบคุม ได้แก่ ต้นทุนอาหาร, ต้นทุนแรงงาน, ค่าเช่าและค่าสาธารณูปโภค, ค่าบำรุงรักษาอุปกรณ์, ค่าการตลาด, ต้นทุนจากของเสียในร้านอาหาร, และ ค่าประกันและใบอนุญาต

คุณจะได้เรียนรู้วิธีการจัดการต้นทุนเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมคำแนะนำจาก Food Market Hub ที่จะช่วยลดต้นทุนอาหารและเพิ่มกำไรให้กับร้านของคุณ

1. ต้นทุนอาหาร (Food Costs)

ต้นทุนอาหารมักจะคิดเป็นประมาณ 28% ถึง 35% ของยอดขายทั้งหมดในร้าน หากคุณไม่สามารถติดตามต้นทุนอาหารได้อย่างถูกต้อง การสูญเสียจากของเสียและการสั่งซื้อเกินอาจทำให้กำไรหายไป การใช้ ระบบการจัดการซัพพลายเออร์ เช่น Food Market Hub จะช่วยให้คุณเปรียบเทียบราคาจากซัพพลายเออร์ต่าง ๆ และช่วยติดตามรูปแบบการใช้จ่ายของคุณ ทำให้คุณสามารถคาดการณ์ต้นทุนในอนาคตและปรับการสั่งซื้อให้เหมาะสม การใช้ Food Market Hub จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างแม่นยำและลดของเสียได้มากขึ้น

2. ต้นทุนแรงงาน (Labor Costs)

การจ่ายค่าจ้างให้กับพนักงานถือเป็นต้นทุนหลักที่มักจะคิดเป็น 25% ถึง 30% ของรายได้ หากคุณกำหนดตารางงานให้พนักงานเกินไปในช่วงเวลาที่มีลูกค้าจำนวนน้อย จะทำให้สูญเสียเงิน แต่ถ้าคุณขาดแคลนพนักงานในช่วงเวลาที่มีลูกค้าเยอะ ก็จะทำให้การบริการมีปัญหา วิธีการจัดการต้นทุนแรงงานคือการติดตามชั่วโมงที่มีการใช้งานสูงสุด และปรับตารางงานให้เหมาะสม การฝึกอบรมพนักงานให้สามารถทำหลายหน้าที่ได้จะช่วยลดจำนวนพนักงานที่จำเป็นในแต่ละวัน

3. ค่าเช่าและค่าสาธารณูปโภค (Rent and Utilities)

ค่าเช่าไฟฟ้า น้ำประปา และก๊าซเป็นต้นทุนที่คงที่ แต่คุณยังสามารถหาวิธีประหยัดได้ เช่น การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงานและไฟ LED จะช่วยลดค่าไฟ การเจรจาต่อรองค่าเช่าหรือการแชร์พื้นที่ครัวกับธุรกิจอื่น ๆ ก็เป็นวิธีที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายนี้ได้

4. ค่าบำรุงรักษาอุปกรณ์ (Equipment Maintenance)

อุปกรณ์ในครัวจะมีอายุการใช้งานที่จำกัด และการซ่อมแซมอาจมีค่าใช้จ่ายสูง การบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอช่วยป้องกันปัญหาที่ใหญ่กว่าในอนาคต การฝึกอบรมพนักงานให้ใช้งานอุปกรณ์อย่างถูกต้อง และการจัดสรรงบประมาณเล็กน้อยสำหรับการซ่อมแซมฉุกเฉินจะช่วยให้ร้านของคุณไม่ติดขัดจากปัญหาด้านอุปกรณ์

5. การตลาด (Marketing)

การโปรโมตร้านเป็นสิ่งจำเป็น แต่การใช้จ่ายในการโฆษณาที่ไม่คุ้มค่าอาจทำให้ร้านขาดทุนได้ การมุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์ที่คุ้มค่า เช่น การตลาดผ่านโซเชียลมีเดียและอีเมลมาร์เก็ตติ้ง จะช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าได้โดยไม่ต้องใช้จ่ายมากเกินไป การใช้ POS System เช่น EasyEat ช่วยให้คุณสามารถส่ง SMS โปรโมชั่นไปยังลูกค้า เพื่อแจ้งข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับร้านและดึงดูดลูกค้าใหม่ได้

6. ของเสียในร้านอาหาร (Restaurant Waste)

ของเสียจากอาหารเป็นตัวทำลายกำไรเงียบ ๆ โดยการประมาณของ USDA พบว่าร้านอาหารทิ้งอาหารประมาณ 4% ถึง 10% ก่อนที่จะถึงมือลูกค้า วิธีลดของเสียคือการติดตามสต๊อกอย่างใกล้ชิด ใช้การควบคุมขนาดการเสิร์ฟ และนำวัตถุดิบที่เหลือมาใช้ใหม่ได้ Food Market Hub ช่วยในการควบคุมการใช้สต๊อกด้วยฟีเจอร์ Double PAR Level ที่ช่วยให้คุณตั้งค่าระดับสต๊อกต่ำสุดและสูงสุด เมื่อสต๊อกลดต่ำกว่าระดับที่กำหนด ระบบจะแจ้งเตือนให้สั่งซื้อใหม่ ลดการสั่งซื้อเกินและของเสีย

7. ค่าประกันและใบอนุญาต (Insurance and Permits)

คุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงค่าประกันและใบอนุญาตได้ แต่สามารถหาวิธีลดต้นทุนได้ เช่น การเปรียบเทียบราคาประกันจากหลายบริษัทเพื่อหาข้อเสนอที่ดีที่สุด การรวมประกันหลายประเภทเข้าในกรมธรรม์เดียวสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ และการตรวจสอบว่าเข้าข่ายรับส่วนลดหรือเงินช่วยเหลือจากใบอนุญาตได้หรือไม่ก็เป็นวิธีประหยัดต้นทุน

วิธีการที่ Food Market Hub ช่วยคุณควบคุมต้นทุนอาหาร

การคำนวณต้นทุนอาหารด้วยมืออาจใช้เวลานานและมักเกิดข้อผิดพลาด Food Market Hub ช่วยให้อัตโนมัติในกระบวนการนี้ ให้ข้อมูลเรียลไทม์เกี่ยวกับการใช้จ่ายและการติดตามราคาจากซัพพลายเออร์ คุณสามารถดูว่าซัพพลายเออร์รายไหนเสนอราคาที่ดีที่สุดและติดตามการเปลี่ยนแปลงราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบนี้ยังช่วยให้คุณสามารถคาดการณ์ความต้องการในอนาคตและสั่งซื้อในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อลดของเสียและควบคุมการใช้จ่ายได้ดีขึ้น

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

1. วิธีการคำนวณเปอร์เซ็นต์ต้นทุนอาหารคืออะไร?
หารต้นทุนของวัตถุดิบด้วยรายได้จากการขายจานอาหาร แล้วคูณด้วย 100 การรักษาเปอร์เซ็นต์นี้ให้อยู่ระหว่าง 28% ถึง 35% จะช่วยรักษากำไร

2. ต้นทุนที่ใหญ่ที่สุดในร้านอาหารคืออะไร?
ต้นทุนอาหารมักจะเป็นต้นทุนที่สูงที่สุด ตามมาด้วยต้นทุนแรงงานและค่าเช่า การควบคุมทั้งสามด้านนี้เป็นสิ่งสำคัญในการรักษากำไร

3. วิธีลดของเสียในร้านอาหาร?
ติดตามสต๊อก ฝึกพนักงานในการควบคุมขนาดการเสิร์ฟ และใช้ซอฟต์แวร์ในการทำนายความต้องการได้อย่างแม่นยำ การนำวัตถุดิบที่เหลือมาใช้ในจานอื่น ๆ ก็ช่วยได้

4. ระบบการจัดการซัพพลายเออร์คุ้มค่าหรือไม่?
ใช่ ระบบเช่น Food Market Hub ช่วยประหยัดเวลา ลดข้อผิดพลาด และช่วยเจรจาต่อรองราคาที่ดีกับซัพพลายเออร์

5. ควรตรวจสอบต้นทุนบ่อยแค่ไหน?
ตรวจสอบต้นทุนของคุณทุกสัปดาห์เพื่อจับปัญหาตั้งแต่เนิ่น ๆ และทำการปรับงบประมาณทุกเดือนเพื่อระบุแนวโน้ม

การบริหารต้นทุนร้านอาหารไม่จำเป็นต้องเป็นภาระหนัก หากคุณมุ่งเน้นที่ต้นทุนหลัก เช่น ต้นทุนอาหาร, ต้นทุนแรงงาน, และ ของเสีย คุณสามารถทำการปรับเปลี่ยนเล็ก ๆ ที่ส่งผลใหญ่ในการประหยัดเงิน Food Market Hub ช่วยให้คุณทำการคำนวณต้นทุนอาหารได้อย่างแม่นยำและประหยัดเวลา ทำให้คุณมีเวลาไปมุ่งเน้นในการเติบโตของธุรกิจแทน

เริ่มติดตามต้นทุนของคุณวันนี้ แล้วคุณจะเห็นความแตกต่างในกำไรของคุณพรุ่งนี้

LINE Logo
Chat Now ×